เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2566 ตลาดหุ้นไทย (SET) ในช่วงการซื้อขายภาคเช้าดัชนีปรับเพิ่มขึ้น 22.62 จุด หรือ +1.53% อยู่ที่ 1,502 จุด ถือเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 วันที่ผ่านมามูลค่าการซื้อขายครึ่งเช้ารวม 31,253 ล้านบาท
โดยหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 ดับแรก ได้แก่
– PTT ปรับเพิ่มขึ้น 1.53% หรือ +0.50 บาท อยู่ที่ 33.25 บาทต่อหุ้น มูลค่าซื้อขาย 4,089 ล้านบาท
– TPL หุ้นไอพีโอน้องใหม่เข้าซื้อขายในตลาดเป็นวันแรก ปรับเพิ่มขึ้น 109.09% หรือ +3.60 บาท อยู่ที่ 6.90 บาทต่อหุ้น มูลค่าซื้อขาย 1,607 ล้านบาท
– GULF ปรับเพิ่มขึ้น 5.03% หรือ +2.25บาท อยู่ที่ 47.0 บาทต่อหุ้น มูลค่าซื้อขาย 1,363 ล้านบาทคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
– CPALL ปรับเพิ่มขึ้น 2.46% หรือ +1.50 บาท อยู่ที่ 62.50 บาทต่อหุ้น มูลค่าซื้อขาย 1,224 ล้านบาท
– BDMS ปรับลดลง 1.80% หรือ -0.50 บาท อยู่ที่ 27.25 บาทต่อหุ้น มูลค่าซื้อขาย 1,155 ล้านบาท
ทั้งนี้ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยดัชนีปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง หลังนักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในเดือน มิ.ย. ขายแล้วสุทธิ 10,809 ล้านบาท และตั้งแต่ต้นปี 66 จนถึงปัจจุบัน ขายสุทธิ 108,847 ล้านบาท
ขณะเดียวกันสถานการณ์การเมืองไทย ยังไม่มีความไม่แน่นอน หลังผ่านเลือกตั้งมาแล้วกว่า 1 เดือน แต่ยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ โดยเฉพาะการเลือกตำแหน่งประธานสภา ระหว่างพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย 2 แกนนำจัดตั้งรัฐบาล และล่าสุดวานนี้ 29 มิ.ย. 66 มีข่าวลื่อว่าผลการหารือได้ข้อยุติลงแล้ว โดยพรรคก้าวไกลจะได้ตำแหน่งประธานสภา ส่วนเพื่อไทยจะได้ตำแหน่งรองประธานสภา
SCC ยื่นไฟลิ่ง SCG Decor เสนอขายไอพีโอ 444.1 ล้านหุ้น นำเงินขยายธุรกิจ
ตลท.เตือนหุ้น STARK ซื้อขายวันสุดท้าย 30 มิ.ย. ก่อนปิดเทรดยาวหลายปี
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส ระบุในบทวิเคราะห์เช้านี้ว่า ประเด็นการเมือง มีสัญญาณบวกและความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาลมากขึ้น หลังมีราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระราชกฤษฎีกา เรียกประชุมรัฐสภา พ.ศ.2566 ตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค.66 เป็นต้นไป
ล่าสุด เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร แจ้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ประชุมนัดแรก 4 ก.ค. 66 โดยมีวาระแรกเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร และรองประธานสภาผู้แทนราษฎร
ขณะที่วานนี้มีการหารือระหว่างพรรคก้าวไกล-เพื่อไทย ซึ่งถูกคาดหวังว่าน่าจะได้ข้อสรุปที่ดี ทั้งนี้เชื่อว่าทั้ง 2 พรรคการเมืองน่าจะเตรียมช่องทางการดำเนินงานไว้ในหลาย ๆ ฉากทัศน์ ที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังการเปิดประชุมสภาฯ
สถานการณ์ดังกล่าวน่าจะทำให้นักลงทุน ผ่อนคลายความกังวลช่วงสั้น และหนุนดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) ปรับตัวขึ้นต่อได้ ขณะที่ SET Index ในปัจจุบัน ถือว่าอยู่ในโซนน่าทยอยสะสม เนื่องจากอยู่ต่ำกว่าเป้าหมายของปลายปีที่ระดับ 1,542 จุด
นอกจากนี้หากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 1 ครั้ง สู่ระดับ 2.25% จะทำให้เป้าหมาย SET Index เหลืออยู่ที่ระดับ 1,480 จุด ซึ่ง ณ ปัจจุบันถือเป็นแนวรับทางพื้นฐาน
อย่างไรก็ตาม ประเด็นความไม่แน่นอนทางการเมืองเกี่ยวกับพรรคก้าวไกลยังมีอยู่มาก ทำให้การจัดตั้งรัฐบาลยังมีอีกหลายอุปสรรคที่จะต้องผ่านด่าน เช่น
- พรรคก้าวไกลชูนโยบายหาเสียง แก้/ยกเลิก ม.112 ที่ล่าสุดศาลรัฐธรรมนูญ สอบถามไปยังอัยการสูงสุด ว่าพิจารณารับหรือไม่รับรับคำร้อง กรณีมีผู้ร้องว่าขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 49 หรือไม่
- เสียงสนับสนุนจาก ส.ว. อาจไม่เพียงพอต่อการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งนายกรัฐมนตรีต้องได้เสียงสนับสนุนเกิน 376 คน
- คุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญของว่าที่นายกรัฐมนตรี กรณีการถือหุ้น ITV
ทั้งนี้ บล.เอเซียพลัส มองว่า SET Index มีโอกาสปรับตัวขึ้นในช่วงสั้น จากสถานการณ์ทางการเมืองใกล้รู้ผลลัพธ์ และ Valuation ทางพื้นฐานของ SET Index ที่น่าสะสม อย่างไรก็ตามมีประเด็นความเสี่ยงเกี่ยวกับพรรคก้าวไกลค่อนข้างเยอะ จึงทำให้การจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ อาจเกิดการเปลี่ยนขั้วได้ ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด